Steve Jobs by Walter Isaacson

ช่วงลี้ภัยน้ำท่วมไปอยู่ระยองเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ผมได้หนังสือ Steve Jobs ผลงานของ Walter Isaacson เป็นเพื่อนแก้ความฟุ้งซ่านได้เป็นอย่างดี อย่างน้อยความสนุกเพลิดเพลินที่ได้ก็ทำให้ลืมเป็นห่วงบ้านที่กำลังจมน้ำอยู่ได้ในระดับหนึ่ง

จะว่าไป ผมก็เป็นแฟนนานุแฟนที่เหนียวแน่นของ Steve Jobs มาหลายปี อ่านและติดตามเรื่องราวของเขามามาก แต่หนังสือหนา 630 หน้าเล่มนี้เป็นหนังสือที่น่าจะบรรจุ “รายละเอียดของชีวิต” ของ Steve Jobs ไว้อย่างสมบูรณ์ที่สุด เป็นหนังสือเล่มเดียวที่ Jobs ตั้งใจเชิญผู้เชียนคนนี้ให้มาเขียนชีวประวัติของเขา โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ไม่มีการขอตรวจเนื้อหาก่อนพิมพ์ ดังนั้นข้อมูลในหนังสือเล่มนี้น่าจะสามารถบอกเล่าความเป็นมนุษย์ของ Steve Jobs ได้อย่างเป็นกลางที่สุด เหตุผลส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าเขารู้ว่าตัวเองคงอยู่ได้อีกไม่นานและเขาไม่มีอะไรที่จะปกปิดหรือแก้ตัว (I don’t have any skeletons in my closet that can’t be allowed out)

ต้องขอบอกกล่าวกันก่อนนะครับว่า บทความนี้ไม่ใช่การแปลหนังสือ หากแต่เป็นการเล่าถึงความน่าสนใจในข้อมูลที่ผมเองได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ เป็นมุมมองที่อยากจะแบ่งปันกับผู้คนที่สนใจและมีความเชื่อเช่นเดียวกับผมว่า ในทุกชีวิตมีรายละเอียด และแต่ละรายละเอียดของชีวิตทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ตามมาแตกต่างกันออกไป

มีเกร็ดขำขำนิดนึง ในบท Characters ที่รวบรวมรายชื่อบุคคลสำคัญที่ถูกกล่าวถึงหรือถูกสัมภาษณ์ในหนังสือเล่มนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนในอุตสาหกรรมไอทีและอุตสาหกรรมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เช่น

Larry Ellison. CEO of Oracle and personal friend of Jobs.

John Lasseter. Cofounder and creative force at Pixar.

แต่ที่ผมฮาก็คือ

Bill Gates. The other computer wunderkind born in 1955.

จนกระทั่งป่านนี้แล้ว เจ้าพ่อไมโครซอฟท์ก็ยังเป็นบุคคลสำคัญที่ไม่เป็นที่รักเท่าไหร่ในวงการไอที 😎

บทที่ 1 วัยเด็ก การถูกทอดทิ้งและการถูกเลือก (Childhood, Abandoned and Chosen)

สำหรับแฟนแฟนของ Jobs คงทราบกันดีว่า เขาถูกเลี้ยงดูโดยพ่อแม่บุญธรรมที่รับเขามาเลี้ยงตั้งแต่ยังเป็นทารก โดยเซ็นสัญญากับพ่อแม่ที่แท้จริงว่าจะต้องส่งเสียให้เขาเรียนถึงระดับมหาวิทยาลัย พ่อบุญธรรมของเขาเป็นช่างซ่อมรถยนต์ที่เก่งมาก และแม้ว่าเขาจะไม่ได้สนใจในเรื่องเครื่องยนต์อย่างจริงจัง แต่ Jobs เองก็ได้เรียนรู้ทักษะด้านช่างหลายอย่างจากพ่อของเขา นั่นอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ Apple เครื่องแรกของโลกถือกำเนิดขึ้นมาในโรงรถของบ้านเขา

นอกจากเป็นช่างซ่อมเครื่องยนต์แล้ว พ่อเขายังเป็นช่างไม้ที่มีฝีมือ ที่สร้างเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ในบ้านด้วยตัวเองโดยมี Jobs เป็นลูกมือ โดยเขาบอกว่า พ่อของเขาให้ความสนใจกับการเก็บทุกรายละเอียดของชิ้นงาน แม้กระทั่งในบริเวณที่ไม่มีใครเห็นเช่นด้านล่างของเก้าอี้ หรือด้านหลังของตู้ อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงยิ้มเมื่อนึกถึงวีรกรรมความเป็น Perfectionist ของ Jobs ตอนที่ไม่อนุมัติให้เปิดตัวผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์รุ่นหนึ่ง ด้วยเหตุผลว่าขนาดเมนบอร์ดมันใหญ่ไป ทั้งที่ทุกคนบอกว่ามันไม่มีใครเห็นหรือสนใจขนาดของเมนบอร์ดหรอกเพราะมันอยู่ในเคส เขาก็ยังไม่ยอม ชีวิตมันมีที่มาที่ไปจริงๆ

ตัวเขาเองนั้นได้รับรู้ความจริงเรื่องการถูกรับมาเลี้ยงเมื่อตอนอายุประมาณ 6-7 ขวบ โดยการบอกเล่าอย่างเปิดเผยจากพ่อและแม่บุญธรรม โดยบอกว่า เขาไม่ได้เป็นเด็กที่ถูกทอดทิ้ง (โดยพ่อแม่ที่แท้จริง) หากแต่เป็นคนพิเศษที่ถูกเลือก (โดยพ่อแม่บุญธรรม) แม้ว่านั่นเป็นสิ่งที่เขาดูเหมือนจะยอมรับได้ในวัยเด็ก แต่ในอีกหลาบปีต่อมา ปมเรื่องการถูกทอดทิ้งได้กลับมาหาเขา กลายเป็นแรงขับและผลักดันให้เขาทำหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตเพื่อพยายามแก้ปมในจิตใจของเขาเอง

ในช่วงชีวิตวัยหนุ่มของ Jobs และเพื่อนๆ เป็นช่วงเวลาที่ David Packard และ Bill Hewlett ได้ก่อตั้งบริษัท HP ขึ้นมาแล้ว ทั้งสองคนเป็นเสมือนฮีโร่ของคนรุ่น Jobs ที่สนใจและฝักใฝ่ในเทคโนโลยี และการย้ายมาลงหลักปักฐานในเมือง Palo Alto ของ David และ Bill ทำให้เมืองที่ Jobs อาศัยอยู่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจที่มจากอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และทำให้ Jobs และผู้ก่อตั้งบริษัท HP กลายเป็นเพื่อนสนิทต่างวัยในเวลาต่อมา

จุดเริ่มต้นของความสำเร็จทั้งหมดคือการค้นพบสิ่งที่เรียกว่า “เซมิคอนดักเตอร์” ในช่วงปี1956 โดยผู้ที่มีบทบาทสำคัญคือวิศวกรสองคนที่ชื่อว่า Robert Noyce และ Gordon Moore ผู้ก่อตั้งบริษัท Integrated Electronics Corporation หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ Intel ซึ่งต่อมาได้เพิ่มหุ้นส่วนคนสำคัญอีกคนคือ Andrew Grove ที่เป็นคนพลิกโฉมธุรกิจของ Intel จากการผลิตหน่วยความจำไปเป็นหน่วยประมวลผล และทำให้ Intel กลายเป็นจิ๊กซอร์ที่สำคัญของอุตสาหกรรมไอทีจนถึงทุกวันนี้

เดี๋ยวมาต่อครับ

นพดล  วีรกิตติ

29  พฤศจิกายน  2554